วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ปลาไหลไฟฟ้า


ปลาไหลไฟฟ้า
ปลาไหลไฟฟ้า (อังกฤษ: Electric eel) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Electrophorus electricus จัดอยู่ในวงศ์ Electrophoridae จัดเป็นปลาเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในวงศ์นี้
ลักษณะ
มีรูปร่างเรียวยาวคล้ายปลาไหล ตามีขนาดเล็ก ลำตัวสีน้ำตาลเขียวเข้ม ใต้ท้องสีเหลือง หัวมีขนาดใหญ่ ปากกว้าง ใต้ท้องมีครีบยาวตั้งแต่ส่วนอกไปจนถึงปลายหาง ชอบอยู่ตามบึงน้ำตื้น ๆ หมกโคลนเลน หรือซ่อนตามวัชพืชในน้ำ ชอบน้ำนิ่งและเก่า (ค่า pH สูง) มีขนาดโตเต็มที่เกือบ 2 เมตร ที่ใหญ่ที่สุดพบถึง 2.5 เมตร น้ำหนักมากกว่า 44 ปอนด์มีความสามารถพิเศษคือ ปล่อยไฟฟ้าได้สูงถึง 800โวลต์ หรืออาจมากกว่านั้น ในปลาที่โตเต็มที่ ซึ่งเท่ากับสามารถให้ไฟฟ้าในปริมาณที่พอใช้ในบ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง[3] และไม่เกิน 100 โวลต์ในปลาที่ยังเล็กอยู่ โดยกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณลำตัวไปจนถึงปลายหางมีเซลล์พิเศษที่สร้างประจุไฟฟ้าได้ นับเป็นสัตว์ที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้สูงที่สุดในโลก เพื่อป้องกันตัวและใช้นำทางหาอาหาร เพราะปลาไหลไฟฟ้ามักอาศัยอยู่ในน้ำที่ขุ่นมัว จึงไม่สามารถใช้ประสาทตามองเห็นได้ดีนัก[3] ปลาไหลไฟฟ้าจะกินเนื้อจำพวกสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่า โดยการช็อตสัตว์เหล่านี้ให้สลบแล้วจึงเขมือบกิน และยังเป็นปลาที่ไม่ต้องหายใจผ่านเหงือกเหมือนปลาทั่วไป แต่จะใช้การฮุบอากาศบนผิวน้ำเพื่อรับออกซิเจนโดยตรงโดยผ่านเส้นเลือดฝอยจำนวนมากที่อยู่ที่ปาก โดยจะใช้เวลานานประมาณ 5-10 นาทีจึงขึ้นมาฮุบอากาศหนึ่งครั้ง [3]อีกทั้งยังอยู่บนบกได้อีกนานนับชั่วโมงถ้าผิวหนังยังเปียกชื้นอยู่

ที่อยู่
พบอาศัยอยู่ทั่วไปในลุ่มน้ำอะเมซอนและโอริโนโค ในทวีปอเมริกาใต้
เป็นปลาที่ไม่ได้ใช้บริโภคกันในท้องถิ่น เนื่องจากอันตรายในการถูกช็อต ซึ่งมีรายงานการที่มีมนุษย์เสียชีวิตมาแล้วหลายรายจากการปล่อยไฟฟ้าของปลาไหลไฟฟ้า แต่ก็สามารถบริโภคได้เมื่อปลาไหลไฟฟ้าถูกฆ่าตายแล้วแตกต่างจากปลาที่มีพิษแม้ฆ่าตายแล้วพิษก็ยังอยู่ ในนิทานพื้นบ้านของชาวพื้นเมืองอเมริกาใต้ เล่าว่า ชนเผ่านักรบโบราณลืมปล่อยสายฟ้าลงบนตัวปลา จึงเกิดเป็นปลาไหลไฟฟ้า[3] แต่นิยมเลี้ยงเป็นปลาตู้ สำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ และนิยมชอบโชว์ตามพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมักมีหลอดไฟแสดงกระแสไฟฟ้าอยู่หน้าตู้ด้วย สำหรับในประเทศไทยยังไม่จัดว่าเป็นสัตว์น้ำต้องห้าม แต่ถูกประกาศว่ามีอันตราย ต้องระมัดระวังตามประกาศของกรมประมง 
ลักษณะการผลิตไฟฟ้า
 ปลาไหลไฟฟ้า (electric eel) ผลิตกระแสไฟฟ้าปริมาณมากได้โดยระบบประสาทพิเศษที่มีความสามารถในการจัดการกับเซลล์ที่ผลิตกระแสไฟฟ้ารูปร่างกลมที่รวมตัวกันอยู่ในอวัยวะที่ใช้สร้างกระแสไฟฟ้าโดยเฉพาะให้ทำงานพร้อมกัน ระบบประสาทนี้ทำเช่นนี้ได้จากนิวเคลียสที่คอยรับคำสั่งจะเป็นตัวตัดสินใจว่าเมื่อไหร่อวัยวะผลิตกระแสไฟจะสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมา เมื่อมีคำสั่งจากเบื้องบนลงมา นิวเคลียสนี้จะตรวจสอบความพร้อมของเส้นประสาทที่เรียงตัวกันเป็นแถวอย่างซับซ้อนมากมายก่อน แม้ว่าจะอยู่ไกลจากนิวเคลียสนี้แค่ไหนก็ตาม แต่เซลล์ผลิตไฟฟ้านี้จะมีประจุลบ ซึ่งมีค่าศักย์ไฟฟ้าน้อยกว่า 100 ไมโครโวลต์จากภายนอกเมื่อเทียบกับภายในเซลล์ เมื่อสัญญาณคำสั่งมาถึง ส่วนปลายประสาทจะค่อยๆ ปล่อยสารสื่อประสาทชื่อ อะซีตีลคอลีน (acetylcholine) ซึ่งจะช่วยสร้างเส้นทางชั่วคราวที่มีความต้านทานไฟฟ้าต่ำขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อส่วนภายนอกและภายในด้านหนึ่งของเซลล์ ดังนั้น เซลล์จะประพฤติตัวเหมือนกับแบตเตอรี่ที่ขั้วหนึ่งเป็นประจุลบ และอีกขั้วหนึ่งเป็นประจุบวกเนื่องจากเซลล์ผลิตไฟฟ้ามีการเรียงตัวภายในอวัยวะสร้างไฟฟ้าเหมือนกับแบตเตอรี่ที่เรียงต่อกันในไฟฉาย กระแสไฟฟ้าจะผลิตขึ้นมาโดยการกระตุ้นเซลล์ข้างเคียงให้พร้อมที่จะทำงาน ซึ่งใช้เวลาในการกระตุ้นไปตามเส้นทางทั้งหมดประมาณ 2 ไมโครวินาที การกระตุ้นให้เริ่มทำงานพร้อมๆ กันนี้จะผลิตกระแสไฟฟ้าช่วงสั้นๆ ไหลไปตามลำตัว ถ้าปลาไหลอยู่ในอากาศ กระแสไฟฟ้าอาจจะสูงถึง 1 แอมแปร์ ซึ่งทำให้ตัวปลามีกระแสไฟเท่ากับแบตเตอรี่ที่มีศักย์ไฟฟ้าขนาด 500 โวลต์ แต่ปลาไหลอาศัยอยู่ในน้ำ ซึ่งจะให้กระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดังนั้น มันจึงสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์สูง แต่กระแสไฟฟ้าจะเป็นช่วงๆ และไม่มาก แต่อวัยวะผลิตไฟฟ้าในปลากระเบนทอร์ปิโดจะมีเซลล์ผลิตไฟฟ้าประมาณ 700 เซลล์เรียงแถวประมาณ 45 แถว กระแสไฟฟ้าที่ปล่อยจะออกไปทางผลิตด้านบนของปลา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ผิวด้านบนของทั้งอวัยวะผลิตไฟฟ้าและตัวปลามีความต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่าเนื้อเยื่อบริเวณอื่นๆ กระเบนทอร์ปิโดสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีศักย์ไฟฟ้า 20-50 โวลต์ มีรายงานถึงชาวประมงที่รอดตายหลังจากโดนกระแสไฟฟ้าของปลาชนิดนี้ (หลังจากเอาไปถือเล่น)

สาเหตุที่ปลาไม่ช็อตตัวเอง
ในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาว่าทำไมไฟฟ้าที่ปลาไหลไฟฟ้าปล่อยออกมาถึงไม่ช๊อตตัวเอง คำอธิบายหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือ ความรุนแรงในการช๊อตขึ้นอยู่กับปริมาณและช่วงเวลาของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านพื้นที่หนึ่งของร่างกาย กล่าวคือ รูปร่างปลาไหลมีขนาดรูปร่างค่อนข้างเสมอกันตลอดลำตัว ซึ่งพอๆ กับขนาดแขนของมนุษย์เรา การที่จะทำให้แขนกระตุก กระแสไฟฟ้า 200 มิลลิแอมแปร์ต้องไหลผ่านแขนเป็นเวลา 50 มิลลิวินาที ปลาไหลไฟฟ้าผลิตพลังงานไฟฟ้าได้น้อยกว่าเพราะว่า กระแสไฟฟ้าของมันไหลผ่านตัวมันเพียง 2 มิลลิวินาทีเท่านั้น ในเรื่องนี้ กระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่จะกระจายไปในน้ำผ่านผิวหนัง นี่อาจจะลดกระแสไฟฟ้าลงเมื่ออยู่ใกล้กับโครงสร้างภายในอย่างระบบประสาทส่วนกลางและหัวใจก็เป็นได้ กระแสไฟฟ้าที่เหยื่อขนาดเล็กได้รับเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระแสที่ปลาไหลผลิตออกมาทั้งหมด ถึงอย่างนั้น การปล่อยกระแสไฟฟ้าไฟยังสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่าก็มีผลอย่างมากเช่น เหยื่อที่มีความยาวน้อยกว่าปลาไหล 10 เท่าจะมีปริมาตรน้อยกว่า 1,000 เท่า ดังนั้น เมื่อสัตว์ขนาดเล็กเข้าใกล้ปลาไหลจะถูกช๊อตตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น